วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2552

ย่อเรื่องอิเหนา ตอนที่ 3


กล่าวถึงองค์อสัญแดหวาขุ่นเคืองอิเหนาที่ทำหยาบหยามตามอำเภอใจ จึงบันดาลให้ลมหอบพาบุษบาและพี่เลี้ยงไปตกยังเมืองประมอตันเพื่อให้พลัดกันกับอิเหนาและองค์อสัญแดหวายังแปลงบุษบาให้ดูเหมือนผู้ชายให้ชื่อว่าอุณากรรณ ท้าวประมอตัน ได้พบจึงรับไปเป็นโอรสบุญธรรมฝ่ายอิเหนาเมื่อทราบว่าลมหอบบุษบาหายไปก็เสียใจมาก จึงปลอมเป็นนายโจร

มิสารปันหยีออกติดตามนาง ระหว่างทางก็ตีได้เมืองเล็กเมืองน้อยเป็นเมืองขึ้น อิเหนาพยายามตามหาบุษบาต่อไปแต่ไม่พบ จึงไปบวชเป็นฤาษีชื่อ กัศมาหราอายัน

ข้างอุณากรรณก็พยายามออกติดตามหาอิเหนาเช่นเดียวกัน จนไปถึงภูเขาปัจจาหงันที่อิเหนาบวชเป็นฤาษีอยู่ ทั้งสองได้พบกันแต่ก็ไม่รู้จักกันอุณากรรณเดินทางต่อไปถึงเมืองกาหลัง ต่อมาอิเหนาลาจากเพศฤาษีติดตามอุณากรรณไปยังเมืองกาหลังด้วย

เมื่ออยู่ที่เมืองกาหลัง ทั้งท้าวกาหลัง อุณากรรณและมิสารปันหยีต่างไม่รู้จักกันเพียงแต่สงสัยคลับคล้ายคลับคลา ต่อมาอุณากรรณเดินทางจากเมืองกาหลังไปสืบหาอิเหนา และไปบวชเป็นชี ณ ภูเขาตะหลากันโดยใช้ชื่อว่า ชีติหลาอรสา

ต่อมาประสันตาได้พบนางชีติหลาอรสา ก็สงสัยว่าจะเป็นบุษบา จึงมาทูลอิเหนาอิเหนาจึงปลอมตัวเป็นเทวดาชื่อ หลงหลังอาหลัด ไปหานางที่อาศรม แล้วหลอกว่าจะมารับนางไปอยู่ที่เมืองฟ้า แต่กลับพานางเข้าเมืองกาหลัง ประสันตาได้ทำอุบายเล่นหนังตามเรื่องราวของอิเหนาโดยเริ่มตั้งแต่เมื่อขึ้นไปไหว้พระปฏิมาบนภูเขาวิลิศมาหรา กระทั่งบุษบาถูกลมหอบไป ในที่สุดอิเหนากับบุษบาก็จำได้ ทั้งสียะตราและวิยะดาก็ได้พบกัน

เมื่อพบกันพร้อมหน้า ที่เมืองกาหลังแล้ว อิเหนาก็ยังไม่กล้ากลับเมืองดาหาเพราะเกรงท้าวดาหาจะกริ้วสียะตราจึงต้องแต่งสาส์นไปทูลให้ท้าวกุเรปันและท้าวดาหาทรงทราบ เพื่อให้สองกษัตริย์ยกโทษและรับอิเหนากลับเข้าเมือง

ในที่สุดท้าวกุเรปัน ท้าวดาหาก็จัดกองทัพมารับอิเหนาและบุษบาที่เมืองกาหลังทั้งได้จัดงานพิธีอภิเษกให้อิเหนาด้วย มีเจ้าเมืองต่างๆ มาร่วมพิธีมากมาย

จากนั้นอิเหนาก็ปกครองแว่นแคว้นแดนชวาด้วยความสุขสืบมา

จบครับจบ

ย่อเรื่องอิเหนา ตอนที่ 2

ระตูจรกาเห็นภาพบุษบาก็หลงรักทันที ขอให้ระตูส่าสำผู้เป็นพี่ชายไปสู่ขอนาง ท้าวดาหาจำใจต้องยก บุษบาให้ระตูจรกาตามที่ลั่นวาจาไว้และขอเวลาเตรียมวิวาห์ 3 เดือน

ยังมีเมืองใหญ่เมืองหนึ่งคือเมืองกะหมังกุหนิง กษัตริย์ผู้ครองเมืองมีโอรสองค์เดียว ชื่อวิหยาสะกำ วันหนี่งวิหยาสะกำออกไปเที่ยวล่าสัตว์ในป่า องค์ปะตาระกาหลาได้แปลงเป็นกวางทองล่อให้วิหยาสะกำตามไปจนพบรูปบุษบา พอวิหยาสะกำเห็นรูปก็หลงรักทันที เมื่อกลับเข้าเมืองก็คลั่งไคล้จนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ท้าวกะหมังกุหนิงสงสารโอรสจึงแต่งทูตไปขอบุษบา แต่ท้าวดาหาปฏิเสธเพราะพระองค์ได้ยกบุษบาให้ระตูจรกาแล้ว ท้าวกะหมังกุหนิงจึงยกทัพมาประชิดกรุงดาหา เพื่อชิงตัวบุษบาไปให้ได้ ท้าวดาหารีบส่งสาสน์แจ้งข่าวศึกไปยังกรุงกุเรปัน ,กรุงกาหลัง, กรุงสิงหัดส่าหรี ท้าวกุเรปันจึงส่งสาสน์ไปบอกให้ อิเหนายกทัพมาสมทบกับทัพของกะหรัดตหะปาตีเพื่อไปช่วยท้าวดาหาทำศึก อิเหนาและกะหรัดตะปาตีให้ตั้งทัพอยู่นอกกรุงดาหา ท้าวกะหมังกุหนิงคิดว่าเป็นทัพของระตูจรกาจึงเข้าโจมตี วิหยาสะกำต่อสู้กับสังคามาระตาและถูกสังคามาระตาฆ่าตาย ท้าวกะหมังกุหนิงแค้นใจขับม้าเข้าไปหาสังคามารหะตาแต่อิเหนาเข้าขวางไว้แล้วต่อสู้กัน ในที่สุดอิเหนาก็ใช้กริชแทงท้าวกะหมังกุหนิงตาย หลังจากนั้นอิเหนาก็พาสังคามาระตาเข้าเฝ้าท้าวดาหาเพื่อทูลลากลับเมืองหมันหยา ครั้นได้เห็นบุษบาซึ่งมีรูปโฉมงดงามยิ่งกว่าจินตะหราก็นึกเสียดาย จีงเปลี่ยนใจพักอยู่ในกรุงดาหาต่อไปอีก โดยแกล้งทำอุบายให้ทหารของตนไปตรวจริบสมบัติที่เมืองกะหมังกุหนิง ระหว่ารอให้ทหารกลับมาจากเมืองกะหมังกุหนิงอิเหนาก็เอาอกเอาใจสียะตราจนรักใคร่สนิทสนมกัน

ส่วนระตูจรกายกทัพมาถึงกรุงดาหา ทราบว่าเสร็จศึกแล้วก็เข้าเฝ้าท้าวดาหา ทำให้อิเหนานึกริษยา ครั้นท้าวดาหาพามเหสีกับโอรสธิดาไปใช้บน (แก้บน) ที่เขาวิลิศมาหรา เนื่องจากพระองค์ได้บนบานไว้ให้ชนะศึกท้าวกะหมังกุหนิง อิเหนาก็ทูลขอติดตามไปด้วย ท้าวดาหาจึงให้เป็นทัพหน้าและระตูจรกาเป็นทัพหลัง เมื่อไปถึงพลับพลาที่ประทับมะเดหวีชวนบุษบาลงอาบน้ำ อิเหนาก็ไปแอบดูแล้วเขียนสารใส่ในเรือนแพน้อยลอยน้ำไปให้บุษบา ในสาสน์มีข้อความเป็นทำนองว่าระตูจรกาเร่งให้มีการวิวาห์เร็วๆ ทำให้บุษบานึกเคือง มะเดหวีและนางกำนัลทั้งหลายที่ได้อ่านข้อความนั้นต่างก็ตำหนิติเตียนระตูจรกา

ใกล้พลบค่ำมะเดหวีได้ชวนบุษบาไปนมัสการพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่วิวาห์บนเขา เพื่อให้บุษบาเสี่ยงทายว่าระหว่างอิเหนากับระตูจรกานั้นผู้ใดเป็นเนื้อคู่ของบุษบา โดยวิธีเสี่ยงเทียนอิเหนาซึ่งเข้าไปแอบอยู่หลังพระพุทธรูปก่อนแล้ว ได้ปลอมเสียงเป็นพระพุทธรูป ตอบว่าบุษบาเป็นเนื้อคู่ของอิเหนาและให้พี่เลี้ยงช่วยกันไล่ค้าวคาวออกมาจนเทียนดับหมด อิเหนาฉวยโอกาสเข้าไปกอดบุษบาไว้ จนพี่เลี้ยงของบุษบาจุดเทียนกลับเข้ามา มะเดหวีเห็นเช่นนั้นก็ขอร้องให้อิเหนาปล่อยบุษบาแต่อิเหนาไม่ยอม จนมะเดหวีต้องรับปากว่าจะช่วยให้อิเหนาได้แต่งงานกับบุษบา อิเหนาจึงยอมปล่อยบุษบาออกจากอ้อมกอด

เมื่อท้าวดาหาและทุกคนกลับเข้ากรุงดาหาแล้ว ก็เตรียมจัดงานวิวาห์ระหว่าง ระตูจรกากับบุษบา อิเหนารู้ตัวว่าหมดหวังแน่จึงวางแผนลักพาบุษบา โดยให้สังคามาระตาไปเสาะหาถ้ำและตกแต่งรอท่าไว้ ส่วนตัวอิเหนาเองทูลลาท้าวดาหาออกไปล่าเนื้อส่งเข้ามาทำอาหารเลี้ยงในงานวิวาห์ ขณะที่กำลังจัดงานสมโภช ระเด่นดาหยนกับพวกก็เผาโรงมโหรสพ ตามแผนของอิเหนา ท้าวดาหา ท้าวกุเรปันและระตูจรกาจึงออกบัญชาการดับไฟ อิเหนาถือโอกาศนั้นปลอมตัวเป็นตัวระตูจรกา เข้าไปอุ้มบุษบาออกมาจากปราสาทแล้วพาไปไว้ในถ้ำที่เตรียมไว้

ครั้นดับไฟได้เรียบร้อยและทราบว่าบุษบาหายไประตูจรกากับระตูล่าสำก็ทูลอาสาท้าวดาหาออกตามหา ทั้งสองพาทหารเดินทางไปจนถึงพลับพลาปากทางเข้าถ้ำ พบกับสังคามาระตาก็ถามถึงอิเหนา สังคามาระตาจึงให้ทหารไปทูลเชิญอิเหนามาอิเหนาแกล้งร้องไห้ ตีโพยตีพายจนระตูสองพี่น้องหายสงสัยลาอิเหนาตามหาบุษบาต่อไป อิเหนารู้ตัวว่าทุกคนในเมืองสงสัยตน จึงลาบุษบาเข้าไปแกล้งสงสัยในกรุงดาหา เมื่ออิเหนาออกจากกรุงดาหาก็พาวิยะดาน้องสาวของตนไปด้วย 


 

วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ย่อเรื่องอิเหนา ตอนที่ 1

“ณ แผ่นดินชวาสมัยโบราณ....

มีนครใหญ่แห่งหนึ่งชื่อเมืองหมันหยา มีระตูปกครองสืบต่อกันมาจนถึงระตูองค์หนี่งทรงมีธิดา สาวสวยถึง 4 พระองค์ อยู่มาวันหนึ่งได้บังเกิดพระขรรค์กับธงผุดขึ้นมาที่กลางพระลานอย่างมหัศจรรย์ ตั้งแจ่นั้นในเมืองหมันหยาก็มีแต่ความเดือดร้อน ผู้คนอดอยาก มีการวิวาท ฆ่าฟันกันตายไปทั่วทั้งเมือง ระตูหมันหยาร้อนใจมาก สั่งให้ทหารไปจัดการถอนธงกับพนะขรรค์ขึ้นมาเสีย แต่ไม่สำเร็จจึงให้ป่าว ประกาศไปทั่วแคว้นชวาว่า แม้นผู้ใดสามารถถอนพระขรรค์และธงได้จะแบ่งเมืองให้ครองครึ่งหนึ่งพร้อม กับยกธิดาของพระองค์ให้ด้วย กษัตริย์เมืองต่าง ๆ ทราบข่าวก็ยกทัพมาเมืองหมันหยา ทว่าไม่มีกษัตริย์องค์ ใดสามารถถอนของ 2 สิ่งได้
ขณะนั้นมีเทวดาสี่พี่น้องสถิตอยู่บนเขาไกรลาสทราบว่า มีเหตุวิปริตเกิดขึ้นที่เมืองหมันหยา จึงแปลง เป็นมนุษย์หนุ่มรูปงามเข้าไปร่วมชุมนุมปะปนอยู่กับกษัตริย์เมืองต่าง ๆ ในเมืองหมันหยาด้วย เทวดาแปลง ทั้งสี่เข้าไปถอนพระขรรค์กับธงขึ้นมาได้อย่างง่ายดายเหตุร้ายทั้งหลายก็ยุติลงทันที ระตูหมันหยาจึงยก ราชสมบัติกับธิดาให้ตามสัญญา แต่เทวดาทั้งสี่ขอรับเพียงธิดาของระตูเท่านั้น จากนั้นทั้งสี่ก็แยกกันไป เนรมิตรเมืองใหม่ขึ้นสี่แห่งคือ กรุงกุเรปัน, กรุงดาหา, กรุงกาหลัง และกรุง สิงหัดส่าหรี แล้วต่างก็ตั้งตนเป็น กษัตริย์วงส์อสัญแดหวาปกครองบ้านเมืองสืบต่อกันมาจนถึงกษัตริย์ สี่พี่น้องร่วมพระบิดาพระมารดาเดียวกัน องค์ที่เป็นพี่ใหญ่ครองกรุงกุเรปัน องค์ที่สองครองกรุงดาหา องค์ที่สามครองกรุงกาหลัง และ องค์ที่สี่ครอง กรุงสิงหัดส่าหรี


ส่วนทางเมืองหมันหยาก็มีระตูปกครองต่อมาอีกหลายองค์จนถึงระตูองค์หนึ่งมีธิดาโฉมงาม 3 องค์ องค์โตชื่อนิหราอระตา ได้เป็นประไหมสุหรีของท้าวกุเรปัน องค์ที่ 2 ชื่อดาหราวาตีเป็นประไหมสุหรี ีของ ท้าวดาหา ส่วนองค์ที่ 3 ชื่อจินดาส่าหรีได้วิวาห์กับโอรสของท้าวมังกัน ซึ่งเมื่อเสร็จพิธีวิวาห์แล้วโอรสของ ท้าวมังกันก็ได้เป็นระตูครองเมืองหมันหยาแทน ระตูหมันหยาองค์เก่าที่สิ้นพระชนม์ไปนานแล้ว จินดาส่าหรี จึงได้เป็นประไหมสุหรีแห่งเมืองหมันหยา

ท้าวกุเรปันได้โอรสองค์แรกซึ่งประสูติจากลิกูมเหสีที่ 4 ชื่อกะหรัดตะปาตี แต่พระองค์ปราถนา โอรสจาก ประไหมสุหรีมเหสีเอก เพื่อให้เป็นกษัตริย์ครองกรุงกุเรปันแทนพระองค์ต่อไปจึงทำพิธี บวงสรวงเทวดา หลักเมืองไม่นานต่อมาประไหมสุหรีนิหลาอระตาก็ทรงครรภ์และประสูติพระโอรส รูปร่างลักษณะงดงาม องค์ปะตาระกาหลาเทวดาผู้เป็นบรรพบุรุษของวงศ์อสัญแดหวาได้ประทานกริช ให้เป็นของขวัญโดยจารึก ชื่อไว้ที่กริชว่า "หยังหยังหนึ่งหรัดอินดรา อุดากันส่าหรีปาตี อิเหนาเอง หยังตาหลา เมาะตาริยะกัดดังสุรศรี ดาหยังอริราชไพรี เองกะนะกะหรีกุเรปัน" แต่มามักเรียกกันสั้นๆว่า "อิเหนา"หรือ "ระเด่นมนตรี"

ทางด้านกรุงดาหานั้นประไหมสุหรีดาหราวาตี ได้ประสูติธิดาสิริโฉมงดงาม มีนามว่า "บุษบาหนึ่ง หรัด" ซึ่งท้าวกุเรปันได้ขอตุนาหงันไว้เป็นคู่หมั้นของอิเหนา และอีก 5 ปีต่อมาประไหมสุหรีก็ประสูติ พระโอรส องค์ปะตาระกาหลาประทานกริชจารึก ชื่อ"สียะตรา" ให้เป็นของขวัญ

ต่อมาพระมารดาของประไหมสุหรีแห่งกรุงกุเรปันกับประไหมสุหรีแห่งกรุงดาหาสิ้นพระชนม์ ท้าวกุเรปันกับท้าวดาหาพร้อมใจกันมอบหมายให้อิเหนาซึ่งอายุได้ 15 ปีแล้ว เป็นตัวแทนของพระองค์เดิน ทางไปร่วมงานพระศพ อิเหนาได้พบจินตะหราวาตี ธิดาของระตูหมันหยาก็หลงรักจนไม่ยอมกลับ กระทั่งท้าวกุเรปันมีหนังสือสั่งให้รีบกลับกรุงกุเรปันภายใน 7 วัน เพราะพระมารดาครรภ์แก ่จวนประสูติ ิแล้ว อิเหนาจำใจจากเมืองหมันหยามา แต่เมื่อถึงกรุงกุเรปันก็ปรากฏว่า พระมารดาประสูติธิดา แล้วได้นามว่า "วิยะดา" และท้าวดาหาได้ขอตุนาหงันให้กับสียะตรา น้องชายของบุษบาหนึ่งหรัด ในเวลาต่อมา

ท้าวกุเรปันจะจัดพิธีวิวาห์ให้อิเหนากับบุษบา แต่อิเหนาหลงรักจินตะหราอยู่ จึงออกอุบายลาพระบิดา ไปเที่ยวป่าแล้วปลอมตัวเป็นชาวป่าเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า "มิสารปันหยี" ทหารที่ติดตามไปก็ปลอมตัวและ เปลี่ยนชื่อใหม่ทั้งหมด จากนั้นก็เดินทางมุ่งหน้าไปเมืองหมันหยาระหว่างทางอิเหนาให้หยุดพักที่เชิงเขา ปะราปีประสันตาพี่เลี้ยงคนหนึ่งของอิเหนาพาลูกน้องไปต่อนกในป่าแล้วมีเรื่องวิวาทกับทหารของระตู บุศสิหนา ซึ่งพาระเด่นดรสาเดินทางมาจากเมืองปะตาหรำหลังจากเสร็จพิธีวิวาห์ ลูกน้องของปะสันตา บาดเจ็บจึงพากันล่าถอยกลับไปเล่าให้อิเหนาฟัง อิเหนาจึงไปต่อสู้กับระตูบุศสิหนาและฆ่าระตูบุศสิหนา ตาย พี่ชายสองคนของระตูบุศสิหนาคือระตูปันจะรากันและระตูปักมาหงัน ซึ่งกำลังสนทนาอยู่กับฤาษี สังปะติเหงะอยู่บนเขาได้ทราบก็เตรียมจะลงมาแก้แค้น แต่ฤาษีทักท้วงไว้และบอกให้ทราบว่าปันหยีคือ อิเหนาโอรสของท้าวกุเรปัน ทำให้ระตูทั้งสองเกรงขามรีบจัดเครื่องราชบรรณการไปมอบให้อิเหนาพร้อม กับมอบโอรสธิดาของตนให้ด้วย คือระตูปันจะรากันมีธิดาชื่อสะการะวาตี ระตูปักมาหงันมีธิดาชื่อ สังคามาระตา แล้วระตูทั้งสองก็จดการเผาศพระตูบุศสิหนาที่เชิงเขาปะราปีนั่นเอง ระเด่นดรสาเสียใจมาก จึงเผาตัวตายตามสามีไป

อิเหนาให้เคลื่อนทัพไปจนถึงเมืองหมันหยา ระตูมันหยาให้จัดประสาทหลังหนึ่งเป็นที่พักของอิเหนา คืนหนึ่งอิเหนาได้ลอบไปหาจินตะหราและได้นางเป็นภรรยา และต่อมาก็ได้มาหยารัศมีและสะการะวาตีเป็นภรรยาด้วย

ฝ่ายท้าวดาหาให้ซ่อมแซมตกแต่งพระนครเพื่อเตรียมจัดพิธีวิวาห์ระหว่างอิเหนากับบุษบาเรียบร้อยแล้วก็ส่งข่าวไปทูลท้าวกุเรปันเพื่อให้กำหนดวัน ท้าวกุเรปันรีบส่งหนังสือไปเรียกอิเหนากลับจากเมืองหมันหยาแต่อิเหนาไม่ยอมกลับมิหนำซ้ำยังขอถอนหมั้นด้วย ทำให้ท้าวดาหาทั้งโกรธทั้งอับอาย จึงลั่นวาจาว่าถ้าใครมาขอบุษบามิว่าจะเป็นไพร่ต่ำศักดิ์หรือพระยามหา กษัตริย์ก็ตามพระองค์จะยกให้ทันที
กล่าวถึงระตูจรกา ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์แต่อยากได้หญิงสาวที่มีความงามล้ำเลิศที่สุดของแผ่น ดินชวามาเป็นคู่ครอง จึงส่งช่างเขียนภาพไปวาดภาพธิดาของท้าวดาหากับท้าวสิงหัดส่าหรีมาให้ดู ช่างเขียนภาพไปวาดภาพบุษบามาได้ 2 ท่า แต่ระหว่างที่เดินทางกลับองค์ปะตาระกาหลาได้แอบมาขโมย รูปบุษบาไปรูปหนึ่งในขณะที่ช่างเขียนนอนหลับอยู่กลางป่า

โปรดติดตามตอนต่อไป